ข่าวสารปศุสัตว์

“จังหวัดยโสธร ส่งเสริมการเลี้ยงไก่พื้นเมืองอินทรีย์”

15 ก.ค.63 นางสาวสิริมา วัฒโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พร้อมน.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร ลงพื้นที่ตรวจติดตามการส่งเสริมการเลี้ยงปศุสัตว์อินทรีย์ ณ ฟาร์มไก่พื้นเมืองอินทรีย์ ของนายมีชัย พันธ์ศรี อยู่เลขที่ 72 ม.9 บ้านคำครตา ต.ดงมะไฟ อ.ทรายมูล ที่ได้รับการสนับสนุนพันธุ์ไก่พื้นเมือง 160 ตัว และปัจจัยการผลิต ตามโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมการเลี้ยงไก่พื้นเมืองอินทรีย์ โดยเกษตรกรจะเลี้ยงไก่แบบปล่อย ให้กินปลายข้าว รำร่วมกับพืชอาหารสัตว์ ได้แก่ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง และให้คุ้ยเขี่ยหาอาหารกินตามธรรมชาติ ไม่มีการใช้ยาหรือสารเคมี ซึ่งในพื้นที่ ต.ดงมะไฟ อ.ทรายมูล มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ รวม 10 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบการเลี้ยงสัตว์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ข้อกำหนดของมาตรฐานเกษตรอินทรีย์(Organic Thailand) ตามที่ผู้ตรวจประเมินปศุสัตว์อินทรีย์ของกรมปศุสัตว์ให้คำแนะนำ

ทั้งนี้ ปศุสัตว์อินทรีย์ หมายถึง ระบบการจัดการผลิตปศุสัตว์ที่มีความสัมพันธ์กลมกลืนระหว่างผืนดิน พืช สัตว์ที่เหมาะสม เป็นไปตามความต้องการทางสรีระวิทยาและพฤติกรรมสัตว์ ที่ทำให้เกิดความเครียดต่อสัตว์น้อยที่สุด ส่งเสริมให้สัตว์มีสุขภาพดี เน้นการป้องกันโรคโดยการจัดการฟาร์มที่ดี หลีกเลี่ยงการใช้ยาและสารเคมี สร้างความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

“ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร จับมือกับภาคเอกชน พัฒนามาตรฐานการ เลี้ยงสุกร สร้างความปลอดภัยต่อผู้บริโภค”

10 ก.ค.63 เวลา 09.00 น.น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร พร้อมน.สพ.พิทักษ์ เผ่าผา หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ ร่วมกับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) จัดการอบรมสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่องการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการเลี้ยงสุกร(Good Agricultural Practice :GAP) หรือมาตรฐานการเลี้ยงสุกร แก่ผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ยโสธร และ จ.ข้างเคียง รวม 200 คน ณ โรงแรมเดอะกรีนปาร์คแกรนด์ อ.เมืองยโสธร เพื่อให้ผู้ประกอบการนำความรู้ไปพัฒนาและปรับปรุงการเลี้ยงสุกรให้ได้มาตรฐาน มีระบบการป้องกันโรคที่ดี ผลผลิตมีคุณภาพ ปลอดสารตกค้าง สร้างความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ปัจจุบัน จ.ยโสธร มีฟาร์มสุกรได้รับการรับรองมาตรฐาน จำนวน 22 แห่ง โดยมีแผนจะพัฒนาฟาร์มที่เลี้ยงสุกรตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไป ซึ่งมีสุกรรวมกันประมาณร้อยละ 90 ของปริมาณสุกรทั้งหมดให้ได้การรับรองมาตรฐานต่อไป

“ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พัฒนากลุ่มผู้เลี้ยงไก่พญาแถน”

11 ก.ค.63 เวลา 09.30 น.น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร พร้อมน.สพ.พิทักษ์ เผ่าผา หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ และนายสถาพร จุลสัตย์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองยโสธร ร่วมกับนายเฉลิมชัย หอมตา หัวหน้าสำนักงานฟาร์ม ฟาร์มมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ประชุมหารือกับกลุ่มผู้เลี้ยงไก่พญาแถนหรือไก่สายพันธุ์โคราชในพื้นที่ อ.เมืองยโสธร 30 คน เลี้ยงไก่รวม 1,000 ตัว ณ ห้องประชุมสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดยโสธร เกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงไก่พญาแถนใน จ.ยโสธร โดยกลุ่มเกษตรกรจะจัดทำแผนการผลิตไก่ที่ชัดเจน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ต่อเนื่อง และเพียงพอกับความต้องการของตลาด ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 200 ตัว เป็นผลจากการประชาสัมพันธ์ของสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดผ่านสื่อช่องทางต่างๆ การแปรรูปผลผลิตให้เป็นเมนูที่หลากหลายมากขึ้น และการปรับปรุงฟาร์มของสมาชิกทุกรายให้ได้รับการรับรองระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (Good Farming Management:GFM) เพื่อสร้างมั่นใจให้ผู้บริโภคถึงความปลอดภัยของอาหาร พร้อมนี้ ปศุสัตว์จังหวัดได้มอบใบรับรอง GFM ให้แก่ฟาร์มที่ผ่านการรับรองเพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่สมาชิกของกลุ่มต่อไป

“ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร สนับสนุนการปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว

มาปลูกพืชอาหารสัตว์ บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร”

10 ก.ค.63 เวลา 10.30 น.น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร พร้อมนายวิฑูรย์ ละคร ปศุสัตว์อำเภอไทยเจริญ ลงพื้นที่ ต.คำเตย ต.ไทยเจริญ และ ต.น้ำคำ อ.ไทยเจริญ เพื่อตรวจแปลงของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่สำหรับปลูกพืชอาหารสัตว์ จำนวน 4 ราย มีพื้นที่ รวมจำนวน 20 ไร่โดยกรมปศุสัตว์จะจ่ายเงินอุดหนุนให้เกษตรกรในอัตราไม่เกินรายละ 2,000 บาท /ไร่ ตั้งแต่ 1 ไร่ แต่ไม่เกิน 15 ไร่ เพื่อชดเชยให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม มาปลูกพืชอาหารสัตว์ที่มีตลาดรองรับ ได้แก่ ข้าวโพดอาหารสัตว์ หญ้าเนเปียร์ หญ้าแพงโกลา หญ้ากินนีสีม่วง หญ้ารูซี่ พืชตระกูลถั่ว และมันสำปะหลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกร โดยใน จ.ยโสธร มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสมัครเข้าร่วมโครงการและมีคุณสมบัติครบถ้วนจำนวน 79 ราย พื้นที่ปลูกพืชอาหารสัตว์ จำนวน 354 ไร่ ซึ่งกรมปศุสัตว์จะเงินอุดหนุนให้ทั้งสิ้น 708,000 บาท