ข่าวสารปศุสัตว์

“ปศุสัตว์จังหวัดยโสธรสนับสนุนโครงการ โคขุน กู้วิกฤต COVID-19”

18 มิ.ย.63 นายสัตวแพทย์ ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร พร้อมนายสถาพร จุลสัตย์ ปศุสัตว์อำเภอ เมืองยโสธร นายสุรชัย สีน้ำคำ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ และนายบัญชา โสภาบุตร ผู้แทนผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ลงพื้นที่พบกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ ณ ที่ทำการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยง โคเนื้อบ้านหนองคู ต.หนองคู อ.เมืองยโสธร เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการโคขุน กู้วิกฤต COVID-19 หรือโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในการสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจชุมชนเพื่อไทย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 หรือกู้ล้านบาท ดอกเบี้ย ร้อยบาท ชี้แจงแนวทางการดำเนินการ บทบาทหน้าที่ของปศุสัตว์ในการควบคุมป้องกันโรค ควบคุมมาตรฐานการผลิต และการจัดทำฐานข้อมูล ส่วน ธกส.มีหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรในการจัดทำแผนธุรกิจ และบริหารสินเชื่อตลอดระยะเวลา ของโครงการ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเกษตรกรเป็นอย่างมาก เนื่องจากโคขุน เป็นที่ต้องการของตลาดสูง ในประเทศมี ความต้องการบริโภคประมาณ 1.5 ล้านตัว/ปี และส่งออกต่างประเทศ ได้แก่ จีน ลาว เวียตนาม มาเลเซีย ประมาณ 5 แสนตัว/ปี และตลาดมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นทุกปี สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่เกษตรกร

“ปศุสัตว์จังหวัดยโสธรมอบพันธุ์สัตว์ปีก เพื่อฟื้นฟูเกษตรกรภายหลังอุทกภัย
และบรรเทาความเดือดร้อนจากโรคโควิดระบาด”

12 มิ.ย.63 น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร ร่วมกับนายสมควร พฤษชาติ ปศุสัตว์อำเภอป่าติ้ว ลงพื้นที่ ต.กระจาย มอบพันธุ์ไก่ไข่ให้แก่เกษตรกร 57 ราย รายละ 10 ตัว รวมไก่ไข่ 570 ตัว มอบเป็ดไข่ให้เกษตรกร 1 ราย รายละ 10 ตัว และร่วมกับนายวิษณุรักษ์ ศรีมันตะ รักษาราชการแทนปศุสัตว์อำเภอคำเขื่อนแก้ว มอบพันธุ์ไก่ไข่ให้แก่เกษตรกร ที่ ต.ทุ่งมน 51 ราย รายละ 10 ตัว รวมไก่ไข่ 510 ตัว รวมทั้งหมดเป็นเกษตรกร 109 ราย ไก่ไข่ 1,080 ตัว เป็ดไข่ 10 ตัว พร้อมปัจจัยการผลิต เพื่อฟื้นฟูเยียวยาเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย ในปี 2562 ให้เลี้ยงสัตว์ปีกเป็นอาชีพเสริม ลดรายจ่าย และเป็นอาหารโปรตีนในครัวเรือน สร้างความพึงพอใจให้กับเกษตรกรอย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี

“จังหวัดยโสธร บูรณาการหน่วยงานปศุสัตว์ ประมง ตรวจร้านขายอาหารสัตว์ และยาสัตว์

เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน”

15 มิ.ย.63 เวลา 10.00 น.นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานตรวจร้านขายอาหารสัตว์บก อาหารสัตว์น้ำ และยาสัตว์ ในพื้นที่ อ.เมืองยโสธร ของเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วยนายสัตวแพทย์ ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร นางอังคณา บุญสาม เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ผู้แทนประมงจังหวัด ประมงอำเภอเมืองยโสธร นายสถาพร จุลสัตย์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองยโสธร และนายสัตวแพทย์ พิทักษ์ เผ่าผา หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ ในการบูรณาการบังคับใช้กฎหมาย ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 เพื่อตรวจสอบว่าผู้ประกอบการได้รับอนุญาตให้ขายอาหารสัตว์ และยาสัตว์หรือไม่ อาหารสัตว์ ยาสัตว์มีทะเบียนหรือไม่ อาหารสัตว์ ยาสัตว์ เสื่อมสภาพหรือหมดอายุหรือไม่ ฉลากและภาชนะบรรจุอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่ฉีกขาด การจัดวางอาหารสัตว์ ยาสัตว์ ไม่วางใกล้กับสารเคมีหรือสารอันตราย การดำเนินการดังกล่าวมีจุดประสงค์ เพื่อให้ผู้ประกอบการร้านขายอาหารและยาสัตว์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ได้ใช้อาหารสัตว์และยาสัตว์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ส่งผลให้ผลผลิตสินค้าทางการเกษตรมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการ ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย จังหวัดยโสธร จึงมอบใบรับรองให้แก่ผู้ประกอบการต่อไป จ.ยโสธร ได้กำหนดแผนบูรณาการหน่วยงานปศุสัตว์อำเภอ และประมงอำเภอ ตรวจสอบร้านขายอาหารสัตว์บก สัตว์น้ำ และยาสัตว์ทุกแห่งที่มีจำนวน 285 แห่ง ในระหว่างเดือนมิ.ย.- ก.ค.2563 ทั้งนี้ ผู้ประกอบการขายอาหารสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 กำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

“ปศุสัตว์จังหวัดยโสธรลงพื้นที่ตรวจสอบนมโรงเรียน เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพ”

9 มิ.ย.2563 นายสัตวแพทย์ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร พร้อมนายสัตวแพทย์พิทักษ์ เผ่าผา หัวหน้ากลุ่มพัฒนาคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ และนายสถาพร จุลสัตย์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองยโสธร ลงพื้นที่ ณ โรงเรียนศรีธรรมวิทยา ต.ในเมือง และโรงเรียนบ้านสำราญ ต.สำราญ อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร ซึ่งได้รับนมโรงเรียน ชนิด ยู เอช ที จากสหกรณ์โคนมปากช่อง สำหรับให้เด็กนักเรียน จำนวน 322 คน และ 76 คนต่อวัน ตามลำดับ ได้ดื่มตามโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนของรัฐบาล เพื่อตรวจสอบการเก็บรักษานมโรงเรียน และให้คำแนะนำแก่คณะครูในการตรวจสอบนมเบื้องต้นก่อนนำไปให้เด็กนักเรียนดื่ม ได้แก่ ลักษณะภายนอกของกล่องนมต้องไม่มีรอยหัก ย่น หรือบวม จากนั้นให้เทใส่แก้วใส สังเกตลักณะทางกายภาพ โดยน้ำนมที่ดีต้องมีสีขาวข้น ไม่ใสหรือเป็นยางเหนียว ไม่เป็นตะกอนหรือแยกชั้น ไม่มีกลิ่นเหม็นหืนหรือกลิ่นเปรี้ยว ดูวันหมดอายุข้างกล่อง ต้องมีอายุสำหรับการบริโภคเหลือไม่น้อยกว่า 4 เดือน อย่างไรก็ตามโรงเรียนต้องเก็บรักษานมชนิด ยู เอช ที ในที่สะอาด ป้องกันสัตว์พาหะได้ กรณีบรรจุกล่องนมในลังกระดาษ
ต้องไม่ซ้อนลังสูงเกิน 8 ชั้น มีฐานรองสูงจากพื้นอย่างน้อย 10 เซนติเมตร เก็บรักษาในที่อุณหภูมิสูงไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส สถานที่ไม่เปียกชื้น และไม่ถูกแสงแดด ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2563 ผลการตรวจสอบพบว่าสถานที่เก็บรักษานมมีความเหมาะสม และน้ำนมมีคุณภาพดี เหมาะสมในการบริโภคของเด็กนักเรียน ทั้งนี้ จ.ยโสธร มีโรงเรียนในโครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียน จำนวน 655 แห่ง นักเรียน จำนวน 52,272 คน ซึ่งคณะทำงานขับเคลื่อนโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนระดับอำเภอจะเข้าตรวจสอบที่โรงเรียนภายหลังเปิดเทอมต่อไป